Category ข่าววันนี้

ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียชาวบ้าน หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

คดีป๋ายุทธ 1

รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทาง แอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 และก็ เฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 ในวัน อังคาร ที่ 10 มกราคม 2566 เสนอรายงานพิเศษ ปมลึก คดีป๋ายุทธ กินตับเมียราษฎร หรือ เหยื่อเกมพิศวาส

การยุทธ ยังไม่สิ้นเสร็จ ทางออกของ ย. ย. ยงยุทธ วิชัยดิษฐ จะเป็นอย่างไรถัดไป คดีที่กลายเป็นข่าวสารอื้อฉาว คาวสวาท ในวัย 80 ปี กับสาวสวยรุ่นลูก ซึ่ง ดันเป็น “เมียชาวบ้าน”

นายยงยุทธ ในเวลานี้ จำเป็นต้องเจอศึกกระหนาบ กับหลาย ๆ ด้านพร้อมกัน ทั้งจากคดี รวมทั้ง กระแสสังคม

ในทางคดีนั้น “นาย ก.” ฝ่ายโจทก์ ซึ่ง มีทนายความตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด รับว่าความให้ ได้ยื่นฟ้องแพ่งเรียกร้องค่าเสียหาย ต่อ จำเลยไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ก่อนหน้าที่ผ่านมา

ปรากฎว่า มีการเดินเกม ตอบโต้ ส่งคนไปข่มขวัญคุกคามทางด้านโจทก์ นับว่าเป็นแผนการที่พลาดอย่างแรง ของคนสั่งการ

เมื่อโจทก์เกิดความหวาดกลัว แล้ว ยอมถอยไปเฉยๆก็จัดว่าเข้าทางไป แต่สำหรับในกรณีนี้ โจทก์ กลับทำตรงข้าม และ พร้อมที่จะชนอิทธิพลให้ รู้ดี รู้ชั่ว กันไปเลยทีเดียว

เมียถูกชายชู้ตีท้ายครัว ก็เจ็บปวดพอเพียงแล้ว ยังมาถูกขู่คุกคามซ้ำอีก สามีของฝ่ายหญิง เลยชำระแค้น ด้วยการเผยโฉม

คดีป๋ายุทธ

สำหรับหมากเกมนี้ คดีป๋ายุทธ ของชายบุคคลที่สาม ก็เลยถือว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่างแรง

จากคดีที่ฟ้องร้องกันเงียบๆ ไม่มีใครรู้ ก็เลยตกกลายเป็นข่าวดัง ได้รับรู้กันทั้งประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทางคดีอาจจะมีทางรอด ไม่เสียค่าใช้จ่ายชดเชย โดยชอบด้วยกฎหมายแพ่ง ถ้าเกิดพิสูจน์ได้ว่า ผัวเมียคู่ปัญหานี้ รู้เห็นเป็นใจกัน ทำเหตุการณ์ขึ้นเอง จนกระทั่ง ป๋ายุทธ์ ติดบ่วง

ว่าในประเด็นตามกฎหมาย ก็คือ การจะฟ้องร้องทางแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายอะไรก็แล้วแต่ โดยชอบด้วยกฎหมายแพ่ง มาตรา 1523 เรียกค่าชดเชย จากแฟนปันใจ จำเป็นที่จะต้องเป็นคู่ที่ จดทะเบียนกันแล้วเพียงแค่นั้น ต่อให้โดยพฤตินัย จะแยกบ้านกันอยู่ก็ตาม ยังถือเป็น สามี ภรรยา โดยชอบด้วยกฎหมาย

หากสามีภรรยาจำพวกอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้ลงบัญชีกัน จะไม่มีสิทธิ์ฟ้องคดีตามมาตรา ดังกล่าวได้เลย

จนกระทั่งเวลานี้ ก็ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัด ในประเด็นทะเบียนสมรส ว่ามีหรือไม่ แต่ก็น่าคิดเหมือนกันว่า ผู้ใช้กฎหมาย ระดับ ทนายตั้ม จะมาตายน้ำตื้น พลาดในตัวบทกฎหมายง่าย ๆ อย่างงี้ ก็ยากที่จะมีความเป็นไปได้

มาถึงประเด็นที่น่าสนใจสูงที่สุด อันจะเป็นเหตุทำให้คดีพลิก และก็ เกิดกระแสตีกลับ มีการวิเคราะห์ไปในทางเดียวกันคือ ป๋ายุทธ คือ เหยื่อของเกมหลงใหล อันซับซ้อน เป็นไปได้ว่า งานนี้ เป็นแผนการส่งฝ่ายหญิง ไปลวงล่อให้ “ป๋ายุทธ ดอนฮวน แห่ง ชาวสิงห์ดำ” ตกหลุม เพื่อร่วมกันแบล็กเมล์ตบทรัพย์สิน มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยกำหนดประเด็นนี้ เพื่อมองรอบด้าน

หนึ่งในข้อสงสัย ที่มีต่อ ตัวคู่ผัวเมีย เพราะเหตุใด ฝ่ายสามีจึงได้ เข้าถึงภาพลับ แชทลับ ต่าง ๆ ของเมียได้ ทั้งที่ภรรยาเริ่มจะมีพฤติกรรมทางลับ ที่มิดีมิงาม

ทำไม เธอถึงไม่รอบคอบ ไม่มีการเข้ารหัสปกป้องโทรศัพท์มือถือ ตรงนี้จะมองให้เป็นพิรุธ ก็ดูได้เช่นกัน

ฝ่ายจำเลย บางทีอาจใช้ประโยชน์จากความข้องใจ กลุ่มนี้ แปลงตัวเอง ให้เป็นเหยื่อผู้ถูกกลั่นแกล้ง ไปเลย ไม่ใช่นักรักนักล่าไร้หัวใจ อย่างที่ข่าวเขาว่าซะหน่อย

คดีป๋ายุทธ 2

แต่การเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์มือถือนั้น จริง ๆ ก็มีสารพัดกระบวนการที่จะ “แฮก” เข้าไปได้ ต่อให้มีรหัสปกป้องก็ตาม

ในขณะนี้ ความเสียท่าอย่างแรงของ ป๋ายุทธ ก็คือ สมรภูมิโซเชียล เพราะว่าภาพลับของ นายยงยุทธ เริ่มถูกปลดปล่อยออกมา ว่อนทั่วอินเตอร์เน็ต ไปแล้ว

อย่างภาพเปลือยเปล่าคู่กัน ที่ถึงแม้ไม่เห็นหน้าฝ่ายชาย แต่ก็เห็นผมสีดอกเลาโดดเด่น เป็นสง่า ก็ไม่สามารถที่จะเป็นผู้ที่สอง หรือ ใครอื่นได้

หรือภาพเปิดหน้าชัด ๆ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ โอบไหล่สาวสวยรุ่นลูก แชะภาพด้วยกันอย่างเปิดเผย บางครั้งก็อาจจะแถว่าเป็นภาพตัดต่อ ก็ว่าได้ แต่ ใครจะเชื่อ? รวมทั้ง วันนี้ยังมีภาพหลุด ค่อย ๆ ปล่อยทะยอยออกมา อย่างต่อเนื่อง

การจัดการตัวเอง ในโลกของโซเชียลนั้น นับว่าเป็นงานยาก ถึงยากที่สุด ท่ามกลางภาพลับ ที่คงตามมาอีกมากมาย ที่จะได้ดู ต่อเนื่อง ทุกวันเป็นอย่างกับหนังซีรี่ย์ เพื่อบีบ ป๋ายุทธ ให้ “ดิ้น” ไม่ออก

ยิ่งมีการไปต่อปากต่อคำ กับทนายตั้ม รวมทั้ง ตั้งท่า ดึงพรรคเพื่อไทยมาอุ้ม ก็จะยิ่งโดน ทนายความตั้ม “ขยี้” ด้วยเหลี่ยมเชิงตรรกะยอกย้อน ชาวเนต ซึ่ง ส่วนมากยืนข้าง ทนายตั้ม ก็จะรุมสกรัม ป๋ายุทธ ซ้ำกันเข้าไปอีก

บางครั้ง การยืดอกสารภาพเรื่องจริง เหมาะสมที่สุด ผมนี่แหละครับ “ป๋า สปอร์ต ใจดี กทม. โอนไว” แล้วปิดห้องเจรจา เพื่อจ่ายค่าชดเชย ให้กับความซนที่ก่อไว้ อาจเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด ช่วงนี้ เชื่อ ในทางพฤตินัย การยุทธ คงจะสิ้นเสร็จ แล้ว ก็จะได้เสร็จเรื่องกันไป

กองทัพเรือ ยันชิ้นส่วนเนื้อ-กระดูกที่เจอ ไม่ใช่ของมนุษย์ ไม่ท้อค้นหา 5 กำลังพลต่อเนื่อง

กองทัพเรือ ไม่ท้อค้นหา 5 กำลังพลต่อเนื่อง

กองทัพเรือ ยังรวมกำลังค้นหา 5 กำลังพลสูญหาย ร.ล.สุโขทัย สม่ำเสมอ การันตีองค์ประกอบเนื้อ และโครงกระดูกที่พบ ไม่ใช่ของคน

8 ม.ค. 66 เวลา 11.30 น. พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กองทัพเรือยังคงปฏิบัติงานค้นหาผู้หายสาบสูญ จากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง อย่างสม่ำเสมอ

โดยยิ่งไปกว่านั้นตามแนวชายฝั่ง ซึ่งรับความร่วมแรงร่วมใจจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ศรชล.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศรชล.จ.ชุมพร รวมทั้ง ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เข้าปฏิบัติการค้นหา และช่วยเหลือผู้หายสาบสูญ บนเกาะต่างๆ

โดยในขณะนี้ยังคงมีอุปสรรคจากคลื่นลมที่มีกำลังแรง อันเป็นผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และทะเลอันดามัน เป็นปัญหาในการค้นหาของเรือขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามตลอดวานนี้ ได้มีการจัดชุดค้นหาทั้งบนผิวน้ำรวมถึงการเดินเท้าตรวจตามริมฝั่ง และเกาะต่างๆในพื้นที่จังหวัดชุมพร และสุราษฎร์ธานี จนถึงในช่วงเวลานี้ ยังไม่พบผู้หายสาบสูญแต่อย่างใด

จากสภาพ คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยที่มีกำลังแรง ทำให้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 66 เวลา 13.00 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.จ.สุราษฎร์ธานี) ได้รับแจ้งว่า เรือลาก (Tug Boat) ชื่อ พีแอล อาร์เธน่า (PL ARTHENA) ได้ขอความช่วยเหลือ เนื่องจากมีน้ำเข้าเรือ และเครื่องยนต์ใหญ่ดับ อยู่บริเวณตอนบนเกาะพะงัน

จึงผสานส่งเรือตรวจประมง 320 เรือตำรวจน้ำ เรือ ปภ.จากเกาะสมุย เดินทางไปช่วยเหลือ ในขณะที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัด เรือ ต.114 ออกให้การสนับสนุนช่วยเหลือ พร้อมเครื่องสูบน้ำ ท่ามกลาง คลื่นทะเลพัดแรง

ถัดมาในเวลา 13.30 น. เรือประมงชื่อ ณปภา ซึ่งอยู่ใกล้เรือเกิดเหตุมากที่สุดได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือ พีแอลอาร์เธน่า ที่สละเรือ และอยู่บนแพช่วย ทั้ง 9 คนได้อย่างปลอดภัย แล้วหลังจากนั้น เรือ ต.114 ได้เข้าไปรับลูกเรือทั้งหมด ขึ้นฝั่งที่สถานีเรือสมุย ทัพเรือภาคที่ 2 ต.ลิปะน้อย อ.เกาะสมุย โดยในจำนวนนี้ มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อกระทำการรักษาต่อไป

ทัพเรือ ยันชิ้นส่วนเนื้อ กระดูกที่เจอ
ในส่วนของการค้นหากำลังพล กองทัพเรือ จากเหตุการณ์เรือหลวงจังหวัดสุโขทัยอับปางนั้น

ผลการปฏิบัติจนถึงในช่วงเวลานี้ ยังไม่มีการพบผู้หายสาบสูญเพิ่ม ซึ่งหากมีความคืบหน้าทางที่ทำการโฆษกกองทัพเรือ ชัดเจนให้รู้ และจังหวะต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของกระแสข่าวว่า ได้มีการตรวจพบชิ้นส่วนของโครงกระดูกและชิ้นเนื้อ รอบๆหาดนางลอย อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำชิ้นส่วนส่งให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ และเจ้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานภาค 8 ที่เข้ากระบวนการตรวจชิ้นเนื้อ ที่โรงพยาบาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งล่าสุดได้รับแจ้งว่าส่วนประกอบดังกล่าว ไม่ใช่ชิ้นส่วนของคนแต่อย่างใด

คลื่นลมแรง เรือลากจูงอับปางกลางอ่าวไทย เรือ ต.114 ช่วยรับลูกเรือขึ้นฝั่ง

คลื่นลมแรง เรือลากอับปางกลางอ่าวไทย เรือ ต.114 ช่วยรับลูกเรือขึ้นบก ส่วนภารกิจค้นหา กำลังพลหาย ชุดค้นหาทั้งผิวน้ำ และเดินเท้าตรวจริมตลิ่ง ยังไม่พบผู้หายสาบสูญเพิ่ม

ภารกิจค้นหากำลังพลสูญหาย วันนี้ (8 ม.ค.66) พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เดี๋ยวนี้ กองทัพเรือยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้หายสาบสูญจาก เรือหลวงสุโขทัย อับปาง อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะตามแนวริมฝั่ง ซึ่งรับความร่วมมือจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ศรชล.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ศรชล.จ.ชุมพร รวมทั้ง ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เข้าดำเนินการค้นหา และช่วยเหลือผู้หายสาบสูญ บนเกาะต่างๆ โดยในช่วงเวลานี้ยังคงมีอุปสรรคจากคลื่นลมที่มีกำลังแรง อันเป็นผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และสมุทรอันดามัน เป็นอุปสรรคต่อการค้นหาของเรือขนาดเล็ก

การค้นหากำลังพลกองทัพเรือจากเหตุการณ์เรือหลวงจังหวัดสุโขทัยอับปางนั้น ผลการปฏิบัติตั้งแต่วานนี้จนกระทั่งวันนี้ (8 ม.ค.66) เวลา 11.30 น. มีการจัดชุดค้นหาทั้งบนผิวน้ำรวมถึงการเดินเท้าตรวจสอบตามริมตลิ่ง และเกาะต่างๆในพื้นที่จังหวัดชุมพร และสุราษฎร์ แต่ยังไม่เจอผู้สูญหายเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (7 ม.ค.66) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ได้รับแจ้งว่า เรือลากจูง (Tug Boat) ชื่อพีแอล อาร์เธนา ได้ขอความช่วยเหลือ เหตุเพราะมีน้ำเข้าเรือ และเครื่องยนต์กลไกใหญ่ดับอยู่บริเวณตอนบนเกาะพะงัน จึงผสานส่งเรือตรวจประมง 320 เรือตำรวจน้ำ เรือ ปภ.จากเกาะสมุย เดินทางไปช่วยเหลือ ในขณะที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัด เรือ ต.114 ออกให้การเกื้อหนุนช่วยเหลือพร้อมเครื่องสูบน้ำ ท่ามกลางคลื่นทะเลพัดแรง

ถัดมาในเวลา 13.30 น. เรือ ประมงชื่อ ณปภา ซึ่งอยู่ใกล้เรือเกิดเหตุมากที่สุดได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือ พีแอลอาร์เธนา ที่สละเรือและอยู่บนแพช่วยเหลือ ทั้ง 9 คนได้อย่างปลอดภัย แล้ว เรือ ต.114 ได้เข้าไปรับลูกเรือทั้งหมด ขึ้นฝั่งที่สถานีเรือสมุย ทัพเรือภาคที่ 2 ตำบลลิปะน้อย อ.เกาะสมุย โดยในปริมาณนี้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า วานนี้ (7 เดือนมกราคม66) ตรวจเจอองค์ประกอบของโครงกระดูก และชิ้นเนื้อ บริเวณหาดทรายนางลอย อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ได้นำชิ้นส่วนส่งให้กับตำรวจ สภ.ท่าชนะ กองพิสูจน์หลักฐานภาค 8 ส่งไปเพื่อทำการตรวจชิ้นเนื้อที่ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ล่าสุดผลการตรวจพิสูจน์จากแพทย์ โรงพยาบาลท่าชนะ ระบุว่า เศษชิ้นเนื้อติดกระดูกดังกล่าวไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์ และไม่ทราบว่าเป็น กระดูกสัตว์ชนิดใด

เรือลากจูงอับปางกลางอ่าวไทย
‘ยังไม่สิ้นหวัง’ ทร.ปรับแผนค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัย

กองทัพเรือเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือกำลังพลที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ขณะที่การค้นหากำลังพลที่สูญหายอีก 5 นาย ยังดำเนินการต่อเนื่อง

แผนการค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่ยังสูญหายอีก 5 นาย วันนี้จะส่งทีมนักประดาน้ำจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ นำกำลังพลเรือยางและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปสำรวจรอบเกาะรัง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อลงสำรวจใต้น้ำบริเวณจุดที่สงสัย เช่น พื้นที่โดยรอบเกาะและซอกหิน

นอกจากนี้ ยังชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ หน่วยซีล พร้อมเรือปฏิบัติการความเร็วสูง และเรือยาง ออกค้นหาบริเวณเกาะต่าง ๆ ได้แก่ เกาะแกลบ เกาะยูง เกาะหนู เกาะแมว และเกาะกุลา จังหวัดชุมพร

ส่วนกำลังของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 1 หรือ ศรชล. ภาค 1 จะค้นหาตั้งแต่ท่าเรือประจวบ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึงอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เน้นการสำรวจตามชายหาด ขณะที่ เรือหลวงและอากาศยาน ยังให้ออกลาดตระเวนต่อเนื่องไปถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี

เจาะลึกความท้าทายใหม่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2023 ที่องค์กรต้องรู้

ความปลอดภัยไซเบอร์ 1

Trend Micro เปิดความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ ปี 2023 พร้อมชี้ Cybersecurity จะเป็นกลจักรสำคัญ ขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ในตอน 2 ปีให้หลัง กระบวนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) เติบโตอย่างเร็วทันใจเยอะขึ้น ธุรกิจ นำเทคโนโลยีเข้ามามีหน้าที่สำคัญ สำหรับในการช่วยปรับปรุงธุรกิจ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด รวมทั้งนำข้อมูล มาวิเคราะห์เพื่อเกื้อหนุนการตลาด รวมทั้ง รู้เรื่องลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ระหว่างที่แนวทางการทำงานของคน ถูกเปลี่ยนไปเป็นแบบรีโมทมากยิ่งขึ้น (Remote Working) ส่งผลให้ องค์กรทุกขนาด จะต้องปรับตัววางแผนการดำเนินการผ่าน คลาวด์ (Cloud) เยอะขึ้นเรื่อยๆ

นางสาวปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัย และ วิเคราะห์ข้อมูลทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นนำของโลก บอกว่า ในปี 2025 องค์กรทั้งโลก จะใช้จ่ายกับคลาวด์เยอะขึ้นเรื่อยๆ 20.4% ในเวลาที่ประเทศไทย เติบโตขึ้นถึง 36.6%

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าไปสู่การใช้คลาวด์ ทำให้ระบบ Security เข้ามามีหน้าที่มากยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่า องค์กรต่างจำต้องรักษาข้อมูล (Data) ซึ่ง เป็นหัวใจหลักของธุรกิจ ให้ไม่มีอันตราย

“เพราะฉะนั้นองค์กรที่ย้ายไปใช้คลาวด์ จะต้องวางแผนและดึงเรื่อง Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จะต้องวางรากฐานด้านความปลอดภัยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น”

ความปลอดภัยไซเบอร์ 2

เตรียมรับมือ ความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ Security ในปี 2023

ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่คลาวด์นั้น ยังมีความท้าทายจากพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็น การย้ายระบบต่าง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์บริษัท (On Premise) ขึ้นไปใช้บนคลาวด์ การตั้งค่าต่าง ๆ บนคลาวด์ให้ Compile ตามมาตรฐานสากล GDPR ของสหภาพยุโรป รวมทั้ง PDPA ของไทย รวมทั้งการศึกษาเครื่องมือ (Tools) ต่าง ๆ จากคลาวด์หลาย ๆ รายพร้อมกัน ช่วงเวลาเดียวกันยังจะต้องจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2023 ซึ่ง ทาง Trend Micro ได้เดาไว้ ดังต่อไปนี้

การนำ Tools ใหม่ ที่ไม่สอดคล้องต้องกันมาใช้ จะส่งผลเสียต่อองค์กร – ในตอน 3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกนำเข้ามาใช้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ ผู้บริหาร หรือ พนักงาน ยังไม่คุ้นเคยกับระบบต่าง ๆ ทำให้ไม่มีความรู้ ด้านการบริหารข้อมูล

Ransomware จะรับมือยากขึ้น – การโจมตีจะถูกเปลี่ยนแปลงจากการจู่โจมที่จุดเดียว เป็นการจู่โจมแบบ Series หรือ กระจายกำลังจู่โจมหลายจุด ทำให้องค์กรต่อกรได้ยากขึ้น และก็ การโจมตี จะไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานอีกต่อไป แต่จะเป็นธุรกิจ หรือ ransomware-as-a-service ซึ่ง ถ้าผู้บริหาร และ ผู้ใช้ไม่มีความรู้ จะถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น

ขอบเขตขององค์กร (Enterprise Perimeter) คือ ทุกๆที่ – การจะเดินหน้าธุรกิจ องค์กรต้องรองรับการทำงาน แบบ Hybrid ซึ่ง การวางรากฐานให้ทำงานจากที่ใดก็ได้นั้น จะมีความจำเป็นมากขึ้นในอนาคต ช่วงเวลาเดียวกันจำเป็นต้องปกป้องการโจมตี ที่เกิดจากการทำงานแบบรีโมท ด้วยเหมือนกัน

ภัยรุกรามทางสังคม (Social Engineering) จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง – การคดโกงบนโซเชียลมีเดีย มีการปรับปรุงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปีที่ล่วงเลยไปนั้นมีทั้งการส่งข้อความ โทรศัพท์มาปลอมตัว ว่าเป็นคนรู้จักกัน ซึ่ง คนเหล่านี้ได้มอนิเตอร์พฤติกรรม และก็ เลือกหลอกเงิน ในจำนวนซึ่งสามารถให้ได้ ซึ่งภัยคุกคามลักษณะนี้ Trend Micro ได้รอเตือนผู้ใช้อยู่ตลอด ในระยะเวลา 3 ปี ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ช่องโหว่ (Vulnerabilities) จากโปรแกรม จะกลายเป็นเป้าจู่โจม – การย้ายข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นสู่คลาวด์ หลายองค์กรมักจะเลือกใช้โปรแกรม ที่เป็น Open – source มากยิ่งขึ้น โดยมิได้พิจารณาถึงความปลอดภัย จากช่องโหว่ของโปรแกรม

โรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) จะกลายเป็นเป้ามากขึ้นเรื่อยๆ – อุตสาหกรรมในยุค 4.0 นั้น ใช้ระบบออโตเมชัน แล้วก็ ระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาควบคุมการทำงานเป็นหลัก การทำงานในโรงงาน จึงไม่ใช่ระบบปิดอีกต่อไป สามารถถูกโจมตีกระทั่งสายการสร้างหยุดดำเนินการได้เช่นกัน จากเทรนด์ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว จะเห็นว่า

Cybersecurity เข้ามามีหน้าที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความโล่งใสสำหรับการทำธุรกิจ และก็ ยังสามารถพินิจพิจารณา คาดการณ์ ว่าองค์กรต้องรับมือกับอะไรในอนาคต และ จะปกป้องตัวเองอย่างไร

ความปลอดภัยไซเบอร์ 3

Cybersecurity ขับเคลื่อนผ่าน People, Process แล้วก็ Technology

จากความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ Security ในปี 2023 องค์กรจำต้องจัดการอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เพราะเหตุว่าการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยข้อมูลนั้น ขยายตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การวิเคราะห์ ทั้งผลประกอบการ กลยุทธ์ รวมทั้ง เมื่อข้อมูลเป็นขุมสมบัติที่สำคัญ ขององค์กร หากถูกโจมตี กระทั่งเสียหาย จะทำให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่น ขณะเดียวกันคู่แข่งก็บางครั้งอาจจะใช้โอกาสนี้ ในการจัดแคมเปญเพื่อเอาชนะในทางธุรกิจ

โดยเหตุนี้ องค์กรจึงจะต้องให้ความสำคัญกับ 3 ส่วน ดังต่อไปนี้

People – เนื่องจากว่า ต้นสายปลายเหตุของการถูกโจมตีส่วนมากนั้น มาจากการขาดวิชาความรู้ และ ลักษณะการจู่โจม มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเวลา องค์กรควรให้ความเอาใจใส่กับการสร้าง ความตระหนักรู้ ด้าน Cybersecurity กับบุคลากร อย่างต่อเนื่อง เพื่อ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร ในระยะยาว

Process – ปรับกระบวนการทำงาน ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นการทำงาน ด้วยเทคโนโลยี เพื่อไปสู่วัตถุประสงค์องค์กร ปัจจุบันนี้คนทำงานได้จากทุกที่ องค์กรจำเป็นต้องพร้อมสำหรับในการตระเตรียมอุปกรณ์ ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้ เปลี่ยนระบบ Manual ต่าง ๆ ให้เป็น Automation เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อความรวดเร็ว และ ลดความยุ่งยาก ของการเดินเอกสาร

Technology – วางองค์ประกอบเบื้องต้นทางเทคโนโลยี ให้มีความพร้อมเพรียง ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะองค์กรที่ย้ายข้อมูลขึ้นเขาคลาวด์ จึงควรสร้างความแข็งแรง เลือกพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาเกื้อหนุนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่มีทิศทาง การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต สามารถเปิด API รองรับกับคลาวด์ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งการมีกลุ่มเกื้อหนุนที่แข็งแรง

Cybersecurity Platform ส่วนสำคัญ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า Trend Micro

อย่างไรก็ตาม Trend Micro มีเป้าหมายชัดเจนสำหรับในการสร้าง Cybersecurity Platform ผ่านการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า มากยิ่งกว่าแค่ขายโซลูชัน เพราะว่าต้องการบูรณาการ องค์ประกอบเบื้องต้นของลูกค้าทั้งระบบ ให้มีความโล่งใส สามารถตรวจสอบภัยรุกราม เพื่อคุ้มครองป้องกันเชิงรุกได้ (Threat Hunting) รวมไปถึงการตอบโต้ต่อภัยคุกคามอย่างทันเวลา (Incident Response) ซึ่ง เป็นจุดแข็งของสินค้า

ด้านการให้ความรู้ บริษัทวางแบบเทรนนิ่ง ให้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็นหลักสูตรสำหรับ C Level , Operation, IT และก็ End User แยกจากกัน เพราะ รูปแบบการถูกโจมตีของพนักงานแต่ละระดับนั้น ต่างกัน ถ้าเกิดผู้ใช้เพียงคนเดียวในบริษัทที่ไม่มีความรู้ หรือไม่ตระหนักถึงความปลอดภัย ก็อาจทำให้องค์กรถูกโจมตีกระทั่งเสียหายทั้งบริษัทได้

ขณะเดียวกัน Trend Micro มีผู้ส่งเสริมระดับนานาชาติ ทั้ง AWS, Google และ Microsoft และก็ สิ่งสำคัญสุดท้ายคือ Trend Micro มีกลุ่มสนับสนุนที่แข็งแรง มีคนที่มีความรู้ ความชำนิชำนาญด้าน Cybersecurity ในเมืองไทย รวมทั้งผ่านการดูแลลูกค้าคนประเทศไทยมามากยิ่งกว่า 18 ปี

ทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม แบงค์ รวมทั้งภาครัฐ ด้วยเหตุดังกล่าว การมีพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่มั่นคงแข็งแรง จะมีผลให้องค์กรสามารถคุ้มครองป้องกันข้อมูล ไม่ให้หลุดออกไปข้างนอก และก็ ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจต่อลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้อีกด้วย

“แมทธิว ดีน” ไม่รู้จะสอนยังไง! “น้องเดมี่” หยิก “ใหม่ ดาวิกา” ด้าน “ลีเดีย” น้อยใจ ถูกด่าไม่สอนลูก

แมทธิว ดีน

“แมทธิว ดีน” เผย “น้องเดมี่” หยุม “ใหม่ ดาวิกา” หลายรอบ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน เปลี่ยนเป็นมีมไปทั่ว รับถูกคนว่ากล่าวไม่สอนลูก กระทั่ง “ลีเดีย” รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ยันสอนลูกไม่ให้ทำร้ายใคร ส่วนที่หยิกใหม่ เจ้าตัวคงจะคาดว่าเป็นไฝเท่านั้น ลั่นตัวจริงแสบมากมาย

เป็นทั้งตำนาน และก็ กลายเป็นมีม สำหรับกรณีที่ “น้องเดมี่” ลูกสาว “แมทธิว – ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” เอื้อมมือไปหยิก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่”

รวมทั้ง ขี่คอ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” แม้จะกลายเป็น ภาพฮา ๆ ทั่วโซเชียล

แต่ก็มีคนเข้าไปต่อว่าต่อขาน บิดา แม่ ว่าเพราะอะไรไม่สอนลูก งานนี้หนุ่มแมทธิว เลยขออธิบาย ในงาน ThaiHealth Watch 2023 สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การ ในการเลิกยาสูบ

แมทธิว ดีน2

แมทธิว ดีน พูดว่า เราก็เปิดภาพให้เขาดู แต่เขาคงจะจำไม่ได้เลยด้วย

“เป็นประเด็นที่ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ ผมมาเห็นภาพทีหลังแล้ว ว่าเดมี่ทำอะไรลงไป หยุมพี่ใหม่ แล้วหลายรอบเลยด้วย ในเหตุการณ์คือ ผมอุ้มเดมี่อยู่ แล้วใหม่ก็อยู่ใกล้ ๆ ตอนนั้นก็เห็นว่า เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหว แต่เราถ่ายรูปอยู่ ก็ยิ้มสู้กล้องไว้ก่อน เดมี่ก็ขยับเยอะ ใหม่ก็ขยับ เลยหันไปมอง ก็บอก เดมี่ใจเย็น ๆ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน แต่ผมก็เข้าใจว่า หยิกไฝ

เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็หยิกคอผม ที่มันน่าจะมีไฝ หรือ มีอะไรอยู่ แล้วใหม่ก็บอก เขาเองก็มีไฝอยู่ตรงนั้น เลยคิดว่าน่าจะใช่ คงไม่ได้หมั่นขนาดนั้นหรอก

เด็กยังโตไม่พอ ที่จะเข้าใจอารมณ์ตรงนั้น น่าจะเป็นการหยิกไฝใหม่ ฟีลแบบว่า อยากจะหยิกออกให้ อาจจะคิดว่าเป็นสติ๊กเกอร์รึเปล่า เขาอยู่ในวัยสงสัย เห็นใครมีรอยข่วนที่มือ ก็จะสงสัยว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ เขาจะตามจะสงสัย

ซึ่งผมเองก็ได้เปิดภาพให้เขาได้ดู แต่เขาก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าทำอะไรไป เพราะมันผ่านไปแล้ว ก็คุย ๆ กัน ถามเขาว่าวันนั้น เดมี่ หยิก พี่ใหม่ เหรอ เขาก็จะตอบกวน ๆ ตามสไตล์ เดมี่หยิกพี่ใหม่ ส่วนเรื่องแซวลูก ว่าหยิกพี่ใหม่เพราะสวยกว่า แซวเล่นกันในครอบครัว เดียเขาก็คุยกับใหม่อยู่ ใหม่เป็นคนบอกเองว่าน่าจะเป็นไฝ” รับถูกต่อว่าเหมือนกัน ว่าไม่สอนลูก ปล่อยให้หยิก คนอื่นๆ ไปทั่ว ยันสอนลูกตลอด ไม่ให้รังแกใคร

“ส่วนที่เขาเพิ่งไปฉีดยามา อันนี้เป็นอีกเรื่องนึง ที่ฮาเหมือนกัน ถ้าได้ดูวิดีโอ จะเห็นใหม่ทำหน้า… แต่ก็ขอสู้ก่อน สักพักเริ่มเจ็บแล้ว เดมี่ก็ตลก เด็กวัยนี้ทำอะไรแปลก ๆ เยอะ ทำอะไรก็น่ารักครับ แต่ถ้าโตกว่านี้ ก็อาจจะไม่น่ารักแล้ว อาจจะมองว่าเด็กคนนี้มันยังไง ก็มีคนแซวเหมือนกัน ว่าทำไมไม่สอนลูก ปล่อยให้ไปหยิกคนอื่น เขาเป็นเด็กแหละ ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น

คือ ส่วนตัวผมคิดว่า เขาอาจจะแค่รู้สึกเจ็บ ตรงที่เขาไปฉีดวัคซีนมา เขาคงจะพยายามดึงออก เพราะคิดว่ามันเป็นสติ๊กเกอร์

คอมเมนต์อีกมุมก็มีบ้าง ไม่เยอะ ไม่รู้จะสอนยังไงครับ มันเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนจะคิดไปในแนวนั้นได้ เราไม่ได้คิดแบบนั้น

แต่ก็เข้าใจว่า บางคนอาจจะเป็นแฟนคลับของใหม่ อาจจะไม่อยากให้ เดมี่ ไปทำพี่ใหม่เจ็บ ก็บอกตรง ๆ นะ แน่นอนเลยว่าลูกเราทั้งสองคน เราสอนแน่นอนว่า ไม่ให้เขาไปทำร้ายใคร แม้แต่สัตว์ เราก็ไม่ให้เขาทำ ตีแมงมุม ตีแมลงสาบ เราก็ไม่ให้ทำ

เราสอนให้เขาเคารพชีวิตคนอื่น รวมไปถึงสัตว์ด้วย เดมี่ คงไม่ได้อยากจะทำให้ใหม่เจ็บหรอก บางคนอาจจะพิมพ์แหย่มาเล่น ๆ ให้เรามีรีแอ็คชั่นกลับไป ก็ได้สนใจ แต่เดียจะรู้สึกมากกว่าผม เขาก็มาคุย ว่ามันมีคนคิดแบบนี้นะ ทำไมเขาต้องพูดอย่างนี้ ผมก็บอกไม่เป็นไร มันเป็นส่วนน้อย ไม่เป็นไรหรอก 99% คนเข้าใจ ว่า เดมี่ เล่น เขาก็จะน้อยใจ ว่าทำไมมาว่าเดมี่”

แมทธิว ดีน3

ยันติว เดมี่ ก่อนออกงานแล้วนะ

“นี่ก็ติวเข้มก่อนออกมาแล้ว(หัวเราะ) เดมี่ อยู่ดี ๆ นะ อย่าไปวิ่งเล่น ซน ไปยกกระโปรงที่ไหน ไม่ได้นะ ต้องอยู่ในความสำรวม เราเป็นผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าครับเด็ก มันก็มีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เดมี่ เคยเจอใหม่น่าจะประมาณ 3 ปี ก็แซวกัน น่ารักดี แล้วใหม่นี่เป็นเฟิร์สคิส ของดีแลนเลยนะ สมัยนั้นยังไม่มี โควิด-19 ก็ทักทายกัน จุ๊บนิดนึง น่าอิจฉา”

ขำ ๆ สร้างตำนาน ขี่คอใบเฟิร์น พิมพ์ชนก บอกลูกชอบเพศหญิงงาม

“น่าจะเป็นวันที่เราไปถ่ายงานที่สตูดิโอใกล้ ๆ กัน แล้วรู้จักกับทีมงานของใบเฟิร์นอยู่แล้ว ก็เลยแวะไปเดินเล่น เที่ยว และ ถ่ายรูปกัน เดมี่ช่วงหลังเขาค่อนข้างเจอคนเยอะ เขาจะเฟรนด์ลี่พอสมควร ดีแลนจะขี้อาย เจอใครก็จะยิ้ม ๆ ไม่เล่นด้วย เดมี่ เขาชอบผู้หญิงสวย ๆ ชอบอะไรที่เป็นเพชร ๆ ประกาย ผู้หญิงนะ

เวลาไปงานมิสแกรนด์ ผมเป็นพิธีกร เขาก็จะอยู่หลังเวที แล้วเขายืนมองนางงามสวย ๆ ดีแลน คือวิ่งเล่นอย่างเดียวเลย ก็เข้าใจว่าผู้หญิงชอบอะไรแบบนี้ ทาเล็บ ทำผมสวย ๆ เขาจะชอบเวลาอยู่บ้านก็จะเล่นแตกต่างจากผู้ชายหน่อย ดีแลน จะเป็นรถ ไดโนเสาร์ เดมี่ จะรักสวยรักงาม อาจจะอยู่กับแม่เขาเยอะด้วย แม่เขาทำผิว ทำผม ทำหน้า เขาก็จะเป็นแบบนั้น ตลกดี”

รับตัวจริงแสบมากมาย

“ส่วนที่มองว่ากลายเป็นตำนาน เข้าใจว่า หลายคนอาจจะเห็นในสื่อว่าเขาดูน่ารัก แต่เวลาอยู่บ้านเขากวนมาก แบบเป็นเด็กผู้หญิงนะ แสบอยู่ ไม่ธรรมดา (ลีเดีย บอกแสบกว่า ดีแลน 2 เท่า?) ดีแลน ว่ากวนแล้วนะ เดมี่ คือเป็นอีกแบบหนึ่ง กวนแบบหน้านิ่ง รู้ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยมีใครว่า ใครโกรธ เท่าไหร่

ด้วยความที่เป็นหญิงคนเดียวในบ้าน ก็จะยอม ๆ หน่อย ดีแลน ก็ตีจนร้องไห้แหละโดยไม่รู้ตัว คือเรียก ดีแลน พี่แหละ แต่ตีแรง ดีแลน ก็ไปร้องไห้ แต่ก็ไม่โกรธน้อง เวลาที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ดูที่เจตนามากกว่า เราก็พยายามสอน ให้เขาขอโทษ และ ให้อภัยกัน

ถ้าถามว่าได้ใครมา ก็ไม่รู้ อะไรที่ไม่ดี มักจะมาอยู่ที่ผม แต่ เวลาน่ารักเป็นแม่ ตามสไตล์ สนุกครับช่วงนี้ จะพยายามหากิจกรรม รวมไปถึง ดีออน ที่ยังเด็กมาก ตอนนี้น่าจะ 2 เดือน เริ่มขยับตัวได้ คิ้วเริ่มขึ้นแล้ว

แต่จะเหนื่อยมากขึ้น ตรงที่ว่า 2 คนก็คือโตแล้ว ส่วนคนนี้ก็เล็กก็เลี้ยงแยกกัน บางทีออกไปทำงานเยอะ ก็กลัวเรื่องการเป็นหวัด แต่ 2 พี่เขาอยากจะมีส่วนร่วมมาก ชอบที่จะไปเลี้ยง ช่วยแต่งตัว อาบน้ำ เดมี่ ชอบเลยเป็นสไตล์เจ๊”

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามาฯ 900 ล. ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย “เด็กก้าวไกล” จี้ ดีลจนลืม “ปชช.”

อากงจุน

อาจไม่เห็น “Forbes” เป็น “สลิ่ม” หลังเชิดชู “อากงจุน” ผู้จัดตั้ง ฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐี ใจดีแห่งทวีปเอเชีย นักประวัติศาสตร์ แนะจำเป็นต้องแก้ ม.112 เข้มขึ้น ไม่ใช่ให้เสื่อมลง “เด็กก้าวไกล” สุดทนนักเลือกตั้ง มัวแต่ดีลกระทั่งลืม ปชช.

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 เดือนธันวาคม 65) เพจเฟซบุ๊ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมแชร์ CocoNews กล่าวว่า

อากงจุน2

“Forbes สรรเสริญ “อากงจุน” ผู้ก่อตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจดีแห่งทวีปเอเชีย

แมกกาซีน Forbes ได้ประกาศทำเนียบรายชื่อ วีรบุรุษผู้ใจบุญแห่งเอเชีย Asia’s 2022 Heroes of Philanthropy ครั้งที่ 16 โดยได้จัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ใจดีทั่วภูมิภาคทวีปเอเชียแปซิฟิค ที่ได้อุทิศสินทรัพย์ส่วนตัวช่วยเหลือการบุญ ทั้งในด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม แล้วก็ ทางด้านสังคม

โดยในปีนี้ มี 1 คนประเทศไทยติดอันดับด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่แห่งไหนเป็น “อากงจุน” นายจุน วนวิทย์ ผู้ก่อตั้งบริษัทพัดลม ฮาตาริ นั่นเอง

โดยในปีนี้ รายนามผู้ที่ได้รับคัดมีทั้งสิ้น 15 คน เป็นต้นว่า Melanie Perkins รวมทั้ง Cliff Obrecht ผู้ร่วมจัดตั้งแอปฯ โด่งดังอย่าง Canva ที่ลงนามในพันธสัญญาว่า จะบริจาคเงินที่ได้จากแอปฯ เพื่อช่วยเหลือองค์กรการบุญต่าง ๆ

รวมทั้งยังมี ฮิโรชิ มิกิตานิ ผู้จัดตั้ง และก็ ซีอีโอ ของแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ Rakuten ที่บริจาคเงินบริจาคองค์กร ที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นจำนวนมากมาย

ในเวลาที่ อากงจุน ก็ได้รับการเลือกเฟ้น จากเรื่องราว เมื่อ เดือนสิงหาคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา หลังครอบครัว วนวิทย์ ได้บริจาคเงินส่วนตัว กว่า 900 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิรามาธิบดี

โดยทางมูลนิธิฯ ได้ออกมาขอบคุณมาก และก็ ยังเผยอีกว่า อากงจุน และก็ ครอบครัว บริจาคเงินอุดหนุนทุน โครงงานต่าง ๆ นับตั้งแต่ปี 2551 จนถึงตอนนี้ เป็นยอดเงินบริจาค รวมทั้งสิ้น 1,317,397,000 บาท

ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 เว็บสถาบันทิศทางไทย โพสต์หัวข้อสามนิ้ว วิตกจริต!? ขับไส “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้ามทางด้านการเมือง เพียงแค่ด้วยเหตุว่า บริจาคเงิน 900 ล้าน ให้มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดย XXPiYaXX

เรื่องราวระบุว่า สืบไปจากกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้ก่อตั้งฮาตาริ แล้วก็ ครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี ภาควิชาแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย รศ. ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี และก็ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หมอภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถูกแชร์ไปในโซเชียลเยอะมากๆ ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาอนุโมทนา กับการให้ทานเงินจำนวนมากมายก่ายกองในคราวนี้ ที่สามารถรักษา แล้วก็ ช่วยชีวิตผู้คนได้อีกเพียบเลย

แต่แล้วดูอย่างกับว่า คนดีในสังคมจะต้องมีมารมาผจญ เมื่อมีกลุ่มคนคลั่งการบ้านการเมืองฝั่งสามนิ้ว เริ่มเข้ามาโจมตี นายจุน และ ครอบครัว ว่า ทำไมจำเป็นต้องบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ถึงกับขนาดผลักใส ให้อยู่อีกฝั่ง ในทางการเมืองทันที

โดยเพจสาธารณะ The METTAD ได้โพสต์ เรื่องดังที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งมีเนื้อหาว่า

มีคนบริจาคให้มูลนิธิของโรงพยาบาล กระแสในเฟซมี 2 ทาง

– คนปกติ 1 อนุโมทนา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี โอกาสหน้าจะอุดหนุน
– คนปกติ 2 เพราะเหตุไรต้องผลักมูลนิธินี้เป็นสลิ่ม รวมทั้ง พิมพ์อะไรคลุ้มคลั่งอีกยาวยืด

ทำให้มีประชากรมากมาย ต่างกำเนิดความไม่พอใจ ที่บากบั่นผลักคนที่ช่วยเหลือสังคม ให้เลือกฝั่งทางด้านการเมือง โดยมีรายละเอียดว่า

“ถ้าหาก Hatari บริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มันคงจะเต้นหนักกว่านี้นะครับ”

“ก็มีแต่พวกสัตว์นรก 3 กีบ ที่เดือดดาลกับคนทำบุญ”

“คนไม่ปกติคือคนที่แยกแยะไม่ออก ว่า เงินบริจาคทำเพื่อใคร เพื่อประโยชน์อะไร ไม่ว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากกลุ่มใครก็ตาม

ปล. ต่อให้กีบบริจาค คนปกติก็ควรร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน”

“คนที่สอง น่าจะวิกลจริตนะ”

“ไอ้ปกติที่ 2 มันนร้อนๆ นะครับ”

“คนไม่ปกติ 3 เป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นพวกที่จะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว แถมอิจฉา เวลาคนอื่นทำประโยชน์ หรือทำเรื่องดีให้สังคม ต้องออกมาดิสเครดิตกัน”

อากงจุน3

ขณะเดียวกัน นาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ใจความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm บอกว่า

“มาตรา 112 ต้องปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เข้มข้นขึ้น ไม่ใช่แก้ไขให้เสื่อมทรามลง เพื่อเปิดประตูให้พวกรู้น้อยแต่พูดมากมาแสดงความเห็นจาบจ้วงล่วงละเมิดให้ร้าย ทุกวันนี้ เราก็เห็นคนพูดมากรู้น้อยเยอะแยะไปหมด หรือพวกมโน ดรามาก็เยอะ”

ที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก การบ้านการเมืองไทย ในกะลา แชร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ของ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตยานนาวา – บางคอแหลม พรรคก้าวไกล หัวข้อ ใกล้เลือกตั้ง มีแต่ข่าวดีลรัฐบาล ไม่มีเวลาทำงานให้ประชาชน

โดยระบุว่า เมื่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งใกล้มาทุกครั้ง พร้อมทั้งกติกาหาร 100 ที่แจ่มแจ้งแล้ว จึงถึงเทศกาลแห่งการ ดีลรายวัน สวนทางกับการทำงานให้ประชาชน ที่ไม่จริงจังขณะนี้

ยิ่งบรรดาพรรคเล็กมีความเห็นว่า คงไม่รอด กับการเลือกตั้งรูปแบบนี้ จึงรีบควบรวมกันคึกคัก ส่วนพรรคใหญ่ ก็ช้อปกันสนุก สะท้อนปัญหาคลาสิกตลอดกาลของการเมืองไทย ที่พรรคการเมือง ยังไม่ใช่ผู้แทนของอุดมการณ์ แต่ว่ารูปแบบของสมการที่ผันแปรไปกับการได้มาซึ่งอำนาจ เป็นสำคัญ หรือ ถ้าเกิดส่งผลคุณประโยชน์ลงตัวก็พร้อมไปกับทุกขั้ว โดยไม่สนใจ ว่าก่อนหน้าเคยพูดกับราษฎรไว้ว่าอย่างไร

หัวข้อนี้ว่าแย่แล้ว แม้กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องเชิงโครงสร้างที่ต้องไขปัญหากันไป แต่ว่าเรื่องสำคัญกว่านั้นหมายถึง ระหว่างการดีลกันวุ่นวายปัจจุบันนี้ ปัญหาของพลเมือง ก็พลอยไม่ได้รับการแก้ไขไปด้วย เป็นไม่เหลือสมาธิ จะทำงานบ้านงานเมืองกันแล้ว

ถ้าเกิดใครไม่เชื่อ ขอให้ทดลองไปเปิดโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ข่วงนี้ดู มีแต่ข่าวสารปัญหาด้านสังคมเต็มไปหมด ปากท้องราษฎรก็ลำบาก หาเลี้ยงชีพยากเหลือเกิน ยาบ้าก็มาก ฆ่ากันก็แยะ โรคระบาดก็กลับมา แต่ว่าไม่มีใครคิดใส่ใจ

ขนาดพื้นที่โดนน้ำท่วมหนัก บ้านจมเป็นเดือน ๆ บางหลังก็ยังได้ชดเชยเพียงแค่หลักร้อย ดีหน่อยก็หลักพัน ดำเนินงานกันเหมือนไม่มีรัฐบาล ในนาทีนี้

ดังนั้น ก่อนพ่อแม่พี่น้องประชาชนจะทนทุกข์ทรมานกันมากไปกว่านี้ ยังไงผมก็ขอฝากถึงรัฐมนตรีทุกคน หัวหน้าพรรค ทุกพรรค รวมทั้ง หัวหน้ามุ้งต่าง ๆ ในรัฐบาลชุดนี้สักหน่อยว่า จะดีลอะไรกันก็ทำไป แม้กระนั้นอย่าลืมตนเองว่าเป็นรัฐบาลอยู่ ยังมีบทบาทบริหารประเทศ ยังไงก็สละเวลามาปฏิบัติงานกันบ้างครับ https://www.facebook.com/101372342567471/posts/180684211302950/

แน่ๆ, ใจความสำคัญที่น่าสนใจ ก็คือ กรณี “Forbes” เชิดชู “อากงจุน” ผู้จัดตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจดีแห่งเอเชีย ที่สะท้อนให้เห็น “ความดี” ไม่มี “ขั้ว” ทางการเมือง และไม่มีฝ่าย ถ้าแม้กระนั้นมีจิตใจเป็นบุญกุศล แล้วก็ เห็นแก่สังคมส่วนรวมมากยิ่งกว่าส่วนตัว

ความเป็นจริง ไม่เพียงแต่ “มหาเศรษฐี” ทั้งหลายสมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อย่างน้อยก็คืนกำไรให้สังคมบ้าง ที่โกยไปแล้วเยอะมากมหาศาล

ถ้าเกิดแม้กระนั้น “ติ่ง” ด้านการเมือง ก็สมควรให้ “เครดิต” มากกว่า เอามาแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้น สังคมจะยิ่งอยู่ยาก แล้วก็ ทางแคบลงไป จนแทบสร้างกำแพงกั้นเลยทีเดียว หรือไม่จริง!?

“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?

บิ๊กตู่

การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มเคลื่อนกันคึกคัก ทั้งการออกหลักการใหม่ เพื่อหาคะแนนสนับสนุน และ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้คนที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำนาจสำหรับการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มที่

ทำให้ในช่วงเวลานี้ หลายฝ่ายกำลังจับจ้อง และ ดูการเคลื่อนที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อไร เพราะเหตุว่าการยุบสภา ย่อมส่งผลทางการเมือง กับทุกพรรค และ ทุกกรุ๊ปการเมืองเป็นลูกโซ่ ขณะเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือว่า ปลดปล่อยยาวจนกระทั่งครบกำหนด มันก็ล้วนมีนัยยะทางการเมืองทั้งสิ้น

หากแยกจุดโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่ ๆว่าทุกคนก็พอเดากันได้อยู่แล้วว่า เขาต้องการไปต่อ อีกสองปี ตามกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้ รวมถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ และ ยุบสภาเมื่อไร

ปัจจุบัน เมื่อเที่ยงวันที่ 12 เดือนธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนเริ่มเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม เพื่อร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป ยุคพิเศษ เพื่อฉลองวันครบรอบ 45 ปี ความเกี่ยวพัน อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 เดือนธันวาคม 2565

บิ๊กตู่2

โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรีได้ทักสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ

หลังจากนั้นให้สัมภาษณ์หลังผู้สื่อข่าวถาม มีความห่วงใยประเทศอะไร ไหม ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการปฏิบัติงานไปตามระบบ นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน เพราะเหตุว่า ระดับหลักการ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ปฏิบัติงานไป ผลสัมฤทธิ์ก็ตามมา

“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามถึงกรณีผลที่เกิดขึ้นจากการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ น้อยลง นายกรัฐมนตรีพูดว่า ไม่เคยรู้โพล ใครทำก็ไม่เคยรู้ ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่เคยรู้เช่นกัน ไม่เป็นผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง ผู้สื่อข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะส่งผลต่อการตัดสินใจ ไหม พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า ไม่มี

เมื่อถามคำถามว่า กลับมาจากต่างแดนคราวนี้ จะแสดงท่าทีทางการเมืองที่เด่นชัด ได้ไหม นายกรัฐมนตรี พูดว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”

คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว ทำให้ถูกตีความได้ว่า หลังจากสำเร็จการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน – สหภาพยุโรป หลังวันที่ 15 เดือนธันวาคม ทุกอย่าง จะมีการประกาศความแจ่มชัดออกมา หรือไม่ และ เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือไม่

เพราะเหตุว่าหากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เขาเคยตอบปัญหาว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งอันที่จริงขณะนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตทางการเมือง แม้กระนั้น อย่างไรก็ดี ก็ได้ความแจ่มชัดมาแล้วก็คือ “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เพียงแต่ว่า ยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เหตุเพราะมั่นใจว่าเป็นเรื่องของ “มารยาท” เพราะเหตุว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้การประกาศท่วงท่าทางการเมืองใหม่ ก็เลยจำต้องทอดเวลา ออกไปก่อน

บิ๊กตู่3

อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการเคลื่อน มีการเปิดนโยบายพรรค

รวมถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างครึกครื้น มันก็เปลี่ยนเป็น ตัวกระตุ้นให้เขาจำต้องร่นเวลาเปิดตัว สร้างความแจ่มชัดทางการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความแน่ใจ และ การตัดสินใจของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ กรุ๊ปการเมือง ได้ตัดสินใจ

อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่จำต้องตัดสินใจด้วย เหตุเพราะ หากเคลื่อนช้า หรือยังเงียบถัดไป อาจมีผลต่อการเตรียมพร้อมของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้เห็นแล้ว แม้กระนั้น ถึงอย่างไร มันก็ควรจะมีความแจ่มชัด

ก่อนหน้าที่ผ่านมา ถ้าเกิดสำรวจบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ กรุ๊ปการเมือง ที่ประกาศเด่นชัดว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ จำนวนหนึ่ง

มีรายชื่อแล้ว 3 – 4 คน กรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร กรุ๊ปภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แม้กระนั้น ยังมั่นใจว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความแจ่มชัดแล้ว คงจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกหลายท่านตามมาอีก

แม้ว่าหลายท่านมองว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวนมากจะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ต่างอะไรจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการตัดคะแนนกันเองก็ตาม

แม้กระนั้น ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทมิได้ก็คือ “กระแส” ที่การเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างเหนียวแน่น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ หลัก ๆจะเป็นอย่างงี้ แม้ว่าอาจจะมีกรุ๊ปใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นคือ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แม้กระนั้นกลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แม้กระนั้น เมื่อประเมินแล้ว มั่นใจว่ายังมิได้เติบโต ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของเครือข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า

ส่วนกรุ๊ปไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน

ที่ไตร่ตรองตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา มีโอกาสเบียดขึ้นมา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง เพราะเหตุว่า มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นจุดตัดสิน แม้กระนั้นนั่น เป็นเพราะเหตุว่า “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างสุดกำลัง

ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 ธันวาคม แล้ว มั่นใจว่าจำต้องเด่นชัด เพราะเหตุว่าฝั่งตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก และ ขยับไปไกลแล้ว คงรอคอยมิได้แล้ว

และ เมื่อจำต้องประกาศท่วงท่า มันก็จำต้องเตรียม “ยุบสภา” เพื่อเปิดช่องให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งหากเป็นอย่างงี้ มันก็คงจะลงคะแนนกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ดังที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา !!

รีพับลิกันเย้ยหยัน!รบ.ไบเดนอ่อนข้อ รัสเซีย ยอมแลกตัว ‘พ่อค้าแห่งความตาย’ ที่ถูกจับในไทยกับนักบาสหญิง

พ่อค้าแห่งความตาย1

การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ รบ.ไบเดนยินยอม รัสเซีย ยอมแลกตัว ‘พ่อค้าแห่งความตาย’ มีขึ้นตามหลังการพูดจายาวนานหลายเดือน ขณะที่ความเคร่งเครียด ระหว่างสองประเทศพุ่งสูง ตามหลัง รัสเซีย เปิดฉากรุกราน ยูเครน ในเดือน เดือนกุมภาพันธ์ โดย ไกรเนอร์ ซึ่งถูกจับก่อนหน้าการรุกราน ประมาณ 1 อาทิตย์ ได้เดินทางจากทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง ของ รัสเซีย ไปยัง มอสโก ต่อจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปยังท่าอากาศยานอาบูดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จุดที่ใช้แลกตัว โดยทั้ง 2 คนเดินผ่าน กัน แล้วก็ กัน บนลานบิน

บริตนีย์​ ไกรเนอร์ สตาร์นักกีฬาบาสเกตบอลหญิงสหรัฐอเมริกา ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผ่านการแลกตัวนักโทษ กับฝ่ายมอสโก

พ่อค้าแห่งความตาย2

โดยแลกตัวกับ วิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธระหว่างประเทศ ชาวรัสเซีย สมญานาม “พ่อค้าแห่งความตาย”

แล้วก็ มุ่งหน้ากลับสู่สหรัฐอเมริกา ในวันพฤหัสบดี(8พฤศจิกายน) หมดในสิ่งที่ผู้นำโจ ไบเดน เรียกว่าระยะเวลา “นรก” ยาวนานหลายเดือน สำหรับเธอ แล้วก็ ครอบครัว อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนที่นี้ เรียกเสียงติชมอย่างรุนแรง จากรีพับลิกัน

“เธอปลอดภัยดี เธออยู่บนเครื่องบิน เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน หลายเดือน หลังจากถูกคุมขังโดยไม่ยุติธรรมใน ยูเครน ถูกคุมขัง ภายใต้สภาพแวดล้อม อันเหลือทน” ไบเดน บอกกับผู้สื่อข่าว ที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยว่า เธอจะเดินทางมาถึงภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า “นี่เป็นวันที่เราทำงานหนัก มาเป็นเวลานาน เราไม่เคยหยุด ผลักดันให้มีการปล่อยตัวเธอ”

นอกเหนือจากนี้แล้ว ไบเดน กล่าวต่อว่าสหรัฐอเมริกา กำลังเดินหน้าทำงาน เพื่อให้มีการปล่อยตัว พอล วีแลน อดีตกาลนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ที่ถูกคุมขังใน รัสเซีย เช่นกัน หลังจากไม่สามารถที่จะชักชวน รัสเซีย ให้ปล่อยตัวเขา ในส่วนหนึ่งส่วนใด ของการพูดจาครั้งนี้

ไกรเนอร์ วัย 32 ปี เป็นเจ้าของเหรียญทอง กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย แล้วก็ เป็นดาวดังแห่งกลุ่ม ฟีนิกซ์ เมอร์คิวรี ในศึกบาสเก็ตบอลหญิง อาชีพของสหรัฐอเมริกา (ดับเบิลยูสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ) เธอถูกจับกุม ตอนวันที่ 17 เดือนกุมภาพันธ์ ที่ท่าอากาศยานแห่งหนึ่ง ในกรุงมอสโก หลังจากถูกตรวจพบว่า ด้านในกระเป๋าสำหรับใช้ในการเดินทางของเธอ มีเครื่องสูบยาสูบกระแสไฟฟ้า ของไกรเนอร์ ซึ่งมีน้ำมันกัญชา อันเป็นสารต้องห้ามไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ในรัสเซีย เธอถูกชี้ขาด ตอนวันที่ 4 สิงหาคม ให้กักขังในทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง เป็นเวลา 9 ปี ตามข้อกล่าวหา ครอบครอง แล้วก็ ลักลอบขนยาเสพติด

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเผยว่า ได้แลกตัว ไกรเนอร์ กับ บูท วัย 55 ปี พลเมืองชาวรัสเซีย ที่เมื่อปี 2012 ถูกศาลแห่งหนึ่งของอเมริกา ชี้ขาดติดคุก 25 ปี ตามข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาชีพค้าอาวุธ ของเขา ทั้งนี้ เป็นเวลานานเกือบจะ 2 ทศวรรษ บูท เป็นพ่อค้าอาวุธที่โด่งดังที่สุด ของโลก เขาขายอาวุธให้กับรัฐอันธพาลต่าง ๆ บรรดากลุ่มกบฏ แล้วก็ เหล่าหัวหน้านักรบ ในแอฟริกา ทวีปเอเชีย แล้วก็ อเมริกาใต้

ทำเนียบขาวเผยว่า การเตรียมตัวแลกตัวไกรเนอร์ เกิดขึ้นด้านใน 48 ชั่วโมงก่อนหน้าที่ผ่านมา หลังจาก ไบเดน ตกลงใจเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน ว่าจะกระทำการแลกตัวเธอ กับ บูท แต่ว่าข้อตกลงในการอภัยโทษ บูท ยังไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ ตราบจนกระทั่ง วันพฤหัสบดี(8ธ.ค.)

พ่อค้าแห่งความตาย3

ไบเดน แล้วก็ กมาลา แฮร์ริส รองประธานาหัวหน้าสหรัฐอเมริกา ได้สนทนาทางโทรคำศัพท์กับไกเนอร์

จากห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว ร่วมด้วย เชอเรลล์ ภรรยาของไกรเนอร์ โดยทางทำเนียบขาว ได้เผยแพร่ภาพถ่ายการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ แล้วก็ ไบเดน เผยว่า ไกรเนอร์ “มีกำลังใจดี” แล้วก็ บอกให้เห็นถึงความเข้มแข็ง แล้วก็ ความสง่างามอย่างน่าทึ่งตลอดช่วงเวลาอันแสนสาหัส “ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นเวลานรกสำหรับ บริตนีย์ และ ภรรยา ครองครัว และ เพื่อนร่วมทีมของเธอ”

ในถ้อยแถลงร่วมระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แล้วก็ ซาอุดีอาระเบีย บอกว่าผู้นำยูอีเอ แล้วก็ มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เป็นแกนนำในความบากบั่นเป็นคนกลาง เพื่อค้ำประกันการปล่อยตัวไกรเนอร์ ตอนที่โฆษกทำเนียบขาว แสดงความขอบพระคุณซาอุดีอาระเบีย แล้วก็ ประเทศอื่นๆที่กล่าวถึงในประเด็นนี้ แต่ว่ากล่าวว่าการพูดจาระหว่างรัสเซีย กับสหรัฐอเมริกา “ไม่มีคนกลางมาเกี่ยวข้อง”

อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนตัวครั้งนี้ เรียกเสียงติชม จากสมาชิก รีพับลิกัน เล็กน้อยต่อผู้นำ ที่มาจาก พรรคเดโมแครต

อดีตกาลผู้นำโดนัลด์ ทรัมป์ เยาะเย้ยการแลกเปลี่ยนตัวนักกีฬาบาสเก็ตบอลรายหนึ่ง กับ วิคเตอร์ บูท ชายผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิต แล้วก็ ได้รับบาดเจ็บอันน่าสยอง หลายหมื่นหลายแสนคน โดยไม่ได้ตัว วีแลน พ่วงมาด้วย “อะไรจะโง่เขลาขนาดนั้น และ เป็นความไม่รักชาติที่น่าอับอายสำหรับสหรัฐฯ!” ทรัมป์ เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์

ส่วน เควิน แม็คคาร์ธีย์ แกนนำ พรรครีพับลิกัน ในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐอเมริกา เสริมว่า “นี่เป็นของขวัญที่มอบแก่ วลาดิมีร์ ปูติน และ มันเป็นอันตรายต่อชีวิตชาวอเมริกา”

กระนั้นทาง ไบเดน ตอบโต้ว่า “มันคืองานของผม ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับการตัดสินใจที่ยากลำบาก และ ปกป้องพลเมืองชาวอเมริกา ในทุกหนทุกแห่งในโลกใบนี้”

ไกรเนอร์ ยอมรับสารภาพผิด แต่ว่ากล่าวว่า เธอทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ ไม่มีความตั้งอกตั้งใจฝืนกฎหมาย เมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอถูกพาตัวไปยังทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง ในแว่นแคว้นมอร์โดเวีย เพื่อชดใช้โทษติดคุก

เชอเรลล์ ไกรเนอร์ ซึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากมาย ได้กล่าวขอบพระคุณไบเดน แล้วก็ ภาควิชารัฐบาลของเขา ในการทำงานหนัก เพื่อหาทางให้ภรรยาของเธอได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้คาดหวังว่าเที่ยวบินของ ไกรเนอร์ จะลงจอดที่ซานอันโตนิโอ รัฐเทกซัส

สำหรับ วิคเตอร์ บูท เคยเป็นบุคคลที่เป็นที่เรียกร้องตัวสูงที่สุดในโลก ก่อนถูกจับกุมในปี 2008 ในประเทศไทย ตามหลังดำเนินการของสายอเมริกา ที่บันทึกเสียงการสนทนาที่เขาเสนอขายขีปนาวุธ ให้กลุ่มบุคคลที่เขาคิดว่าเป็นพวกกองโจรฝั่งซ้าย ของโคลอมเบีย แล้วก็ ส่งตัวกลับมาต้องโทษ ต่อที่สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้รายงานข่าวล่าสุด ของรอยเตอร์บอกว่า บูท ได้เดินทางถึงมอสโก เป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว

(ที่มา:รอยเตอร์)

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

1 ช้ำในตาย

คุณลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปขโมยของบ้านคนอื่นๆ เจ้าของบ้าน สามารถคุ้มครองทรัพย์สินได้

(6 ธันวาคม65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และก็ ทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า เหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อระยะเวลาราวๆ 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน 2565

นายคำดี เป็นพ่อม่าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระต๊อบที่นาของตัวเอง ตนยอมรับว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง และก็ ถูกเจ้าของบ้านจับได้ และก็ ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาภายนอกบ้าน แต่ว่า เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง จนถึงนายคำดีแน่นิ่งไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และก็ ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ และก็ ควบคุมตัวนายคำดี ไปที่ โรงพักภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อหาทะเลาะวิวาท และก็ จับนายคำดีจำคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะเปรียบเทียบปรับ 500 บาท และก็ ปล่อยตัวในวันที่ 16 เดือนพฤศจิกายน

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกมาจากบ้าน เพราะว่าร่างกายระบมอย่างหนัก และก็ กินข้าวปลาของกินมิได้ อ้วกเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แต่ว่าพี่น้องไม่เคยทราบ เพราะว่า นายคำดี มิได้ออกจากบ้าน ตราบจนกระทั่ง วันที่ 23 เดือนพฤศจิกายน มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี พี่น้องก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ราวๆ 3 – 4 วัน

แล้วก็กลับบ้านวันที่ 27 เดือนพฤศจิกายน เพราะว่า นายคำดี ปฎิเสธการดูแลรักษา ไม่ต้องการให้หมอ ใส่สายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งในตอนนั้นแพทย์มิได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา ตราบจนกระทั่งเสียชีวิต ช่วงวันที่ 1 ธ.ค. และก็ กระทำฌาปนกิจวันที่ 2 ธ.ค.

หลังจาก นายคำดี เข้าไปขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) จนบาดเจ็บสาหัส และก็ ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน นานกว่า 2 อาทิตย์ ไม่อาจจะเดิน หรือ รับประทานอาหารได้ หลังแล้วก็เสียชีวิต

แต่ว่าพอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยกล่าวถึงว่า นายคำดี เข้าไปขโมยของที่บ้านของคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถคุ้มครองทรัพย์สินของตนได้

และก็ มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด ตอนที่ นายคำดี ไปขโมยกัญชาที่ผ่านมา ซึ่งพวกตนคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะว่า นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็กำเนิดอาการเจ็บเจ็บไข้จนถึงเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ พวกตนเคยไปพบคู่พิพาทแล้ว แต่ว่าตกลงกันมิได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อที่จะแจ้งความดำเนินคดี กับคนประทุษร้าย นายคำดี ตำรวจก็พูดข่มขวัญข้างของตัวเอง จนถึงทำให้เกิดความหวาดกลัว และก็ ไม่กล้าที่จะแจ้งความ

3 ช้ำในตาย

จากเหตุการณ์ เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชาจนถึง ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายจนถึงบาดเจ็บ คู่ปรับ ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อที่จะมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยอมมา ตราบจนกระทั่ง นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่อริยังมีหน้ามาบอกว่า ถ้าเกิดอยากได้เงินก็ไปฟ้องศาลเอา เพราะว่าจะฟ้องศาลกลับ ที่มาขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แต่ว่าตำรวจกลับพูดว่า พวกตนผิด

เพราะว่าไปขโมยในยามวิกาล ซึ่งในตอนนั้น ตัวเองก็ไม่เคยทราบจะทำยังไง แต่ว่าก็ยอมรับว่าคนเสียชีวิตไปขโมยจริง และก็ ไม่มีหนทางช่วยเหลือ อกน้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง คนตายทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังการันตีว่าข้างตนผิด ซึ่งตนคิดว่า เพราะอะไรฆ่าคนตายทั้งคน กลับปราศจากความผิด เพราะอะไรตำรวจไม่ให้ความช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความชอบธรรม กับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี กล่าวมาว่า พร้อมให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ เพิ่งจะได้รับฟังฝ่ายเดียว แต่ว่าจากข้อมูลที่ได้รับฟังเชื่อว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่อริได้ คือ ฆ่าคนอื่นโดยไม่เจตนา หรือ กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ความตาย

จะสั่งให้พนักงานสอบสวน สภ.วังสามหมอ เร่งดำเนินการสอบปากคำ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งสองฝ่าย

และก็ ถ้าเกิดพี่น้องคนเสียชีวิตเชื่อว่า มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์อื่น หรือหลักฐานอื่น ก็เอามาให้ตำรวจ นอกเหนือจากนั้นผลวินิจฉัยการเสียชีวิตของหมอ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจะต้องไปสอบปากคำคำให้การ จากหมอสำนักงานรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจะต้องรับแจ้งความแน่นอน และก็ ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์ความจริงกันบนศาล

“อุ๊งอิ๊ง-SC Asset” งานเข้า! เป็นเจ้าของหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” “อั้ม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ล้าหลัง

1 อุ๊งอิ๊ง

“เพจดัง” แฉ อดีตบิ๊กสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” หนุนออกเชื้อชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” พบหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” มีโครงการของ SC Asset – อุ๊งอิ๊ง หุ้นใหญ่ด้วย “อัม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ” ร่วมกิจกรรมฝั่งขวา เยอรมนี

น่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 พฤศจิกายน 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ TOP HIGHLIGHT พร้อมข้อความระบุว่า “#แอดปอง รายงาน”

โดยเนื้อหารายงาน ระบุว่า ตำรวจค้นรังหมู่บ้านหรูเครือข่าย “ตู้ห่าว” ยึดเงินสด รถยนต์หรู แหล่งซ่อนตัวมาเฟียทุนจีนโยงอสังหาฯคนตระกูลชินฯ ถึงว่าทำไม “พท” หุบปาก รัฐบาลล้างบางทุนจีนสีเทา เนื่องจากว่ามีอดีตบิ๊กนายพลสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” หนุนหลังออกเชื้อชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” เปิดทางสบายเข้ามาทำธุรกิจสีเทา ก็เลยเงียบเป็นเป่าสากไม่จู่โจมรัฐบาล กลัวจะเข้าเนื้อตัวเอง

ก่อนหน้าที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ ภาพกราฟิกเชื่อมโยงความผิดปกติ พร้อมข้อความระบุว่า

“พอทุนจีนเริ่มสนุกขึ้น แต่สื่อกลับเงียบปาก
ฝาก Thai PBS สื่อน้ำดี ขยี้หน่อยครับ”

ยิ่งไปกว่านี้ ได้แชร์เว็บไซต์ สถาบันแนวทางไทย – Thai Move Institute ระบุว่า

“ข้อเท็จจริง หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ทุนจีนสีเทาเหมาซื้อ พบ“อุ๊งอิ๊ง” ถือหุ้นใหญ่

ไทยรัฐรายงาน ตำรวจไปบุกค้นบ้านทุนจีนสีเทาใน หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท และก็ หมู่บ้านอื่น ข่าวสารระบุมีการซื้อเหมาเกือบยกโครงการ 50 หลัง จาก 66 หลัง

หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ผู้ครอบครองโครงการเป็น SC Asset

2 อุ๊งอิ๊ง

รายชื่อผู้ถือหุ้น SC Asset อันดับ 1เป็น อุ๊งอิ๊ง นางสาว แพทองธาร ชินวัตร

ดังนี้ ตอนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ตำรวจท่องเที่ยว และก็ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ปิดล้อมตรวจหา 11 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และก็ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหาหลักฐานตรวจยึด สิ่งผิดกฎหมายของ กรุ๊ปทุนจีนสีเทา

ตำรวจกระจายกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายเครือข่ายกรุ๊ปทุนจีนสีเทา 10 หลัง ในโครงการบ้านหรู 4 ที่ ประกอบด้วย บ้านหรู 4 หลัง ในหมู่บ้านหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ตรอก แบริ่ง – ลาซาล ต.สำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการบ้านหรู หลังละกว่า 50 ล้านบาท บ้านหลังที่ 5 และก็ 6 ในหมู่บ้านทรูแกรนด์ โมนาโก ตรอกกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. บ้านหลังที่ 7 ม.บุราสิริ วัชรพล ถนน สุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. บ้านหลังที่ 8 , 9 และก็ 10 ในหมู่บ้านลดาวัลย์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า ถนน ราชพฤกษ์ แขวง บางละมาด เขตตลิ่งชัน กทม. สามารถยึดรถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด 5 คัน ตู้เซฟ 4 ตู้ ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีนจำนวนไม่น้อย บุหรี่จีน และก็ ไวน์หนีภาษีจำนวนหนึ่ง บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องมือเล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจน กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนม จำนวนหนึ่ง ก็เลยยึดไว้ตรวจดู

3 อุ๊งอิ๊ง

การเข้าตรวจหาบ้านหรู ในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด

ซึ่งจากวิธีการสืบสวน รู้ดีว่า มีกรุ๊ปทุนจีน ใช้หมู่บ้านดังกล่าว เป็นที่อยู่อาศัย เจ้าหน้าที่ได้กระทำการตรวจยึด รถยนต์อัลพาร์ท ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีน จำนวนไม่น้อย บุหรี่จีน และก็ ไวน์หนีภาษีจำนวนหนึ่ง ตู้เซฟ 3 ตู้ บุหรี่ไฟฟ้า เครื่องมือเล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจนกระเป๋า เสื้อผ้าแบรนด์เนม จำนวนหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้ ตรวจยึดเพื่อตรวจสอบ ยิ่งไปกว่านี้ ยังได้ไปตรวจหาห้องชุด ภายในคอนโดฯหรู บริเวณเจริญนคร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เบื้องต้นยึดเงินสด โฉนดที่ดิน เครื่องประดับรถยนต์ ปอร์เช่ รุ่น 911 รถยนต์เบนซ์ รุ่น G calss 2 คัน และก็ รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ท สีขาว ไว้กระทำการตรวจสอบ

มีกล่าวว่า วิธีการสืบสวน พบว่า หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด แต่ละหลัง มีมูลค่าสูงกว่า 50 ล้านขึ้นไป โดยมีชาวจีนที่เข้ามากว้านซื้อ เพื่อการันตีฝูงคนจีน ร่วมกันที่เดินทางมาในประเทศไทย โดยจะมีแม่บ้าน คอยดูแลทำความสะอาด ความเรียบร้อยด้านในภายพักให้ อีกทั้ง ก่อนหน้าที่ผ่านมาพบว่า จะมีฝูงคนจีนที่เป็นนักเที่ยว มีความเชี่อมโยงกับผับจินหลิง แวะเวียนมาเล่นไพ่ คบหาสมาคม ที่บ้านหรู ภายในโครงการ ดังกล่าวด้วย

วันหลัง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เข้ามอบตัวกับตำรวจ ทำให้ชาวจีนกรุ๊ปดังกล่าว ได้ขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ด้านในภาย และก็ นำรถยนต์หรูไปซุกซ่อนตามจุดต่าง ๆ ก่อนตำรวจ จะเข้ามาตรวจหา เหลือเพียงแค่ผู้ที่ยังไม่ทราบข่าวสาร การเคลื่อนไหวของนาย ตู้ห่าว หรือบ้านชาวจีนบางหลัง ก็เหลือไว้เพียงแค่คนรับใช้ และก็ แม่บ้านคนไทยเท่านั้น ในส่วนหลักฐานทั้งหมด จากการตรวจหา 11 จุด ชุดสืบสวนตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานทางคดี และก็ จะให้ผู้ครอบครอง มาปรากฏตัวพร้อมทั้งชี้แจง การได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ถูกสงสัย

4 อุ๊งอิ๊ง

รายงานข่าวสารระบุว่า การตรวจหาทั้ง 11 จุด

ในคราวนี้ เป็นการขยายผล จากการตรวจหาจากยุทธการ ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน ที่ก่อนหน้าที่ผ่านมา ได้ตรวจหาสถานที่ถูกสงสัยว่าเป็นที่อยู่อาศัย และก็ ใช้เพื่อสำหรับในการทำผิดกรุ๊ปบุคคลทุนจีนสีเทา และก็ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 จุด เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ อั้ม เนโกะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งหนีภัย อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแคปรูปทวิตเตอร์ ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า

“ความทุเรศของนักการเมืองไทยที่สังกัดอยู่กับพรรค กับกลุ่มที่ชอบอ้างว่าตัวเองก้าวหน้า ก้าวไกล แต่กลับทำตัวล้าหลังไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองฝ่ายขวาอนุรักษนิยมของเยอรมนี

CSU นอกจากจะเป็นพรรคที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมแล้ว พรรคนี้ยังเป็นพรรคที่เอาศาสนา (คริสต์) มายุ่งกับการเมือง ซึ่งตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของรัฐโลก วิสัยที่ต้องการแยกศาสนาออกจากการเมือง

นี้นะหรอตัวแทนนักการเมืองไทย ที่มาจากฝั่งที่ทำตัวเป็นก้าวหน้า ชอบออกตัวว่า มีหลักการกว่าพรรคอื่น แต่ที่แท้ก็แค่พรรคการเมืองฝ่ายขวา ทำมาพูดว่าจะสร้างรัฐสวัสดิการ ไม่เอาทุนผูกขาด แต่ไม่แตะระบบทุนนิยมทั้งโครงสร้าง แบบนี้เขาเรียกว่า #ปลอม ค่ะ !”

แน่ๆ, หลักสำคัญที่น่าดึงดูด อยู่ที่ “กลุ่มทุนจีน” ซึ่งพัวพัน “ธุรกิจสีเทา” และก็ ใช้ “นอมินี (ตัวแทน)” ซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู ที่มีนักการเมือง “ดัง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ยิ่งกว่านั้น “ตู้ห่าว” ผู้ต้องหา คนสำคัญของ “ทุนจีนสีเทา” ยังได้ เชื้อชาติไทย ในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้การขยายผลตรวจหา ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับความพึงพอใจอย่างยิ่ง รวมทั้งสื่อที่วางตัวเป็นกลาง ก็ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้

อย่างไรก็แล้วแต่ การที่ “ทุนจีน” ซึ่งบางทีอาจพัวพันธุรกิจสีเทา ไปซื้อหมู่บ้านโครงการใหญ่ ของ นักการเมืองดัง บางทีอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกันก็เป็นได้?

แม้กระนั้นในทางการบ้านการเมือง เมื่อกระแสข่าว ออกมาในทำนองนี้ หลายคนเชื่อว่า “งานเข้า” นักการเมืองดังแน่ ยิ่งในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอยู่ด้วย

โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อง่าย-แพร่ได้มากขึ้น

โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ 1

“นายแพทย์ธีระ” เผย โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ดื้อรั้นต่อภูมิคุ้มกันทั้งจากวัคซีน มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อโรคได้ง่ายมากยิ่งขึ้นหรือแพร่กันได้มากขึ้นเรื่อยๆ

รองศาสตราจารย์นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat กล่าวว่า 29 เดือนพฤศจิกายน 2565… เมื่อวานนี้ทั่วโลกติดเพิ่ม 174,759 คน ตายเพิ่ม 778 คน รวมแล้วติดไป 646,366,341 คน เสียชีวิตรวม 6,637,358 คน

5 อันดับแรก ที่ติดเชื้อโรคสูงสุดเป็น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ บราซิล ไต้หวัน และก็ฝรั่งเศส

เมื่อวานนี้ปริมาณติดเชื้อโรคใหม่มีประเทศจากยุโรปและก็ทวีปเอเชียครอบครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และก็ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก

ปริมาณติดเชื้อโรคใหม่ในทุก ๆ วันของทั่วโลกขณะนี้ มาจากทวีปเอเชีย และก็ ยุโรป รวมกันคิดเป็นจำนวนร้อยละ 76.25 ของทั่วโลก ในช่วงเวลาที่ปริมาณการเสียชีวิตคิดเป็นจำนวนร้อยละ 74.93

โควิดสายพันธุ์ย่อย2

…ลักษณะสายพันธุ์ย่อยในออสเตรเลีย

Esterman A. ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ระบาดในออสเตรเลียเวลานี้ พบว่าเป็นไปในลักษณะหลากหลายสายพันธุ์แบบ variant soup

โดยมีอีกทั้ง BA.5 39%, BA.2.75 26%, BQ.1 19%, XBB 4% และก็อื่น ๆ

ลักษณะดังที่กล่าวถึงแล้ว เป็นที่เดากันว่าประเทศอื่น ๆ ก็จะเป็นไปในลักษณะนี้ โดยมีสายพันธุ์ย่อยใหม่ ที่น่ากังวลดังเช่น BQ.1.x, XBB, BA.2.75.x ที่อาจมีสัดส่วนสูงแตกต่างกันไปในแต่ละทวีป และก็จะมาเทคโอเว่อร์ BA.5 ในเวลาไม่นาน ทั้งนี้ BQ.1.x จะครอบครองสัดส่วนนำ ในอเมริกา และก็ ยุโรป ส่วน BA.2.75.x และก็ XBB จะเด่นในแถบทวีปเอเชีย

การระบาดในไทยเรามีลักษณะท่าทางจะเป็นไปในแนวทางข้างต้น

…ตีระฆังเตือนรับรองประเด็นการดื้อรั้นต่อภูมิคุ้มกัน

ทีมงานของ David Ho จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย อเมริกา ได้เผยแพร่ผลที่ได้รับจากงานวิจัยใน bioRxiv เมื่อวานนี้ 28 เดือนพฤศจิกายน 2565

โควิดสายพันธุ์ย่อย3

ชี้ให้เห็นว่า โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น BQ.1.x และก็ XBB นั้น

ดื้อรั้นต่อภูมิคุ้มกันทั้งจากวัคซีน และก็การที่เคยติดเชื้อโรคมาก่อน มากยิ่งกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

ถึงแม้ข้อมูลทางคลินิกในตอนนี้ ยังไม่มีหลักฐานรับรองว่าจะทำให้เจ็บป่วยรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆกว่าสายพันธุ์ที่เคยระบาดเดิม

แต่ความสามารถการดื้อรั้นต่อภูมิคุ้มกันที่มากขึ้นนั้น ย่อมส่งผลทำให้มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อโรคได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หรือ แพร่กันได้มากขึ้นเรื่อยๆเป็นเงาตามตัว

ประการฉะนี้เอง ที่เป็นตัวตอกย้ำให้มองเห็น ถึงความสำคัญของการป้องกันตัว ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งประเด็นการใส่หน้ากาก หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดระบายอากาศไม่ดี รักษาความสะอาด และก็ เว้นระยะห่าง จากผู้อื่น

Personal protective behaviors เป็นเกราะคุ้มครองที่สำคัญที่สุด

…ทางเดินประวัติศาสตร์การแพร่ ของแต่ละสายพันธุ์

โควิด-19 แพร่ระบาดมานับเป็นเวลาหลายปี โดยมีสายพันธุ์ที่หลากหลาย

แม้เปรียบกันตัวต่อตัว จะพบว่า ในระยะเวลา 100 วันแรกของการระบาด สายพันธุ์ Omicron นั้นแพร่ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ที่ระบาดมาก่อน ถึง 5 เท่า

แต่ละระลอกที่ผ่านมา ตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิม (Wuhan: Wild type), เบต้า, แกมม่า, อัลฟ่า, เดลต้า, และ Omicron นั้น ก็มีลักษณะของ ทวีปที่มีการระบาดหนัก ก่อนกระจายไปยังทวีปอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป

…สำหรับระลอกอนาคตนั้น ลักษณะการระบาดน่าจะมีลักษณะท่าทางไม่เหมือนกันกับอดีตกาล เนื่องจากว่ามีต้นเหตุประเด็นการเดินทางระหว่างประเทศเกิดขึ้นมาก การระบาดจะเป็นลักษณะหลากหลายสายพันธุ์ เปลี่ยนกับการนำเข้า ส่งออก รวมถึงความสามารถของเชื้อไวรัสแต่ละสายพันธุ์ พฤติกรรมการป้องกันตัว และก็ การใช้ชีวิตของประชากร ชนิด และก็ความครอบคลุมของวัคซีนที่ใช้ รวมทั้ง อื่น ๆ

ผลพวงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งในแง่ปริมาณการได้รับเชื้อ การป่วย การตาย และก็ Long COVID นั้น จึงมีโอกาสสูง ที่จะเปลี่ยนกับแผนการควบคุมป้องกันโรค และก็ ความพร้อมเพรียง “จริง” ของระบบสาธารณสุขของประเทศนั้น อีกทั้งเรื่องยาที่ตามมาตรฐาน วัคซีนที่มีคุณภาพ บริการดูแลต่าง ๆ ว่าประชากรในประเทศ จะเข้าถึง และก็ พึ่งพาอาศัยได้หรือไม่ ยามที่เกิดปัญหา

ผลลัพธ์ที่พึงปรารถนาของทุกสังคม คือ ยามวิกฤติ ประชากรสามารถพึ่งพาอาศัย และก็ได้รับความให้การช่วยเหลือดูแลอย่างทันเวลา มีคุณภาพ โดยตลอด

ไม่ต้องเผชิญกับภาวการณ์ห่อเหี่ยว คอย จนถึงจะต้องดิ้นรนตีกระปุกขวนขวายหาทางรอด กันเอาเองแบบ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ

…สถานการณ์เดี๋ยวนี้นั้น ควรต้องดำรงชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาทสำหรับการดำรงชีวิต

ปกป้องอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งตอนปฏิบัติงาน เรียน หรือท่องเที่ยว

ฉีดยาเข็มกระตุ้นให้ครบตามที่ได้มีการกำหนด

ใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดการเสี่ยงลงไปได้มาก

ยิ่งกว่านั้น ยังคงเจอลักษณะของการสูญเสียการได้กลิ่น และก็การรับรส เจออาการไม่ดีเหมือนปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร กลุ่มลักษณะของระบบทางเดินหายใจ หายใจถี่ หายใจลำบาก และก็กลุ่มอาการนอกระบบ ที่ไปคล้ายคลึงกันกับสายพันธุ์เดลตาได้เหมือนกัน

สำหรับผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง หรือมีลักษณะเสี่ยงติดเชื้อโรค เสนอแนะให้ตรวจ ATK ด้วยตัวเอง โดยควรจะเลือก ATK ที่ได้รับมาตรฐาน และก็ มีค่าความไว (Sensitivity) และก็ ค่าความจำเพาะ (Specificity) ไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่า 90%

อ้างอิง

1. Wang Q et al. Alarming antibody evasion properties of rising SARS-CoV-2 BQ and XBB subvariants. bioRxiv. 28 November 2022.

2. Tegally H et al. Global Expansion of SARS-CoV-2 Variants of Concern: Dispersal Patterns and Influence of Air Travel. medRxiv. 27 November 2022.

ข้อมูลจาก รองศาสตราจารย์นพ.ธีระ วรธนารัตน์

โควิดสายพันธุ์ย่อย4